พนม นพพร
"พนม นพพร" นั้นเอง ชื่อจริง ชาตรี ชินวุฒิ เป็นลูกน้ำเค็มชาว อ.พานทอง จ.ชลบุรี พนม เกิดในครอบครัวที่มีอาชีพค้าขาย แต่ใจก็ไม่ได้งานค้าขายเหมือนอย่างเตี่ยของเขา เมื่อเขาเรียนชั้นประถมก็ไปเป็นนักร้องเชียร์รำวงอยู่ "คณะดาราน้อย" วันใดว่างจากการเชียร์รำวงก็ไปร้องเพลงสลับฉากให้คณะลิเก ซึ่งอยู่ในละแวกแถวบ้านได้ค่าเหนื่อยคืนละ 10 บาทในยุคนั้นถือว่าเยอะสำหรับเขาเอง เมื่อขึ้น มัธยมปีที่1 ถึงครอบจะไม่ค่อยยากจนสักเท่าไหร่ พนมก็อยากหาเงินเองเพื่อแบ่งเบาภาระครอบครัว ไม่ว่าจะไปเป็น กระเป๋ารถเมล์ในเวลาว่างจากการเรียนทุกวัน หรือแม้แต่ชกมวยเอง ในนาม "ดวงใจ น้ำตาลชล" แต่ก็ยังไม่ได้ทิ้งเพลงเชียร์รำวง และร้องเพลงสลับหน้าม่านลิเก
จนกระทั่งเมื่อจบชั้น ม.6 จึงตัดสินใจเข้ากรุงเสี่ยงโชคชะตา ไปสมัครประกวดร้องเพลง ของเทียนชัย สมยาประเสริฐซึ่งเป็นผู้จัด ซึ่งก็คว้ารางวัลชนะเลิศ จากนั้นเทียนชัย จึงรับไว้เป็นนักร้องในวง แต่ตั้งชื่อให้ว่า "พนาวัลย์ ลูกเมืองชล" อยู่วงเทียนชัยไม่นาน พนมก็ออกวงและกลับบ้านเพื่อบวช ทดแทนพระคุณแม่ หลังจากบวชได้หนึ่ง พรรษา ก็กลับเข้ากรุงเทพ และขณะนั้นเองพนมมีโอกาศพบครู"มงคล อมาตยกุล" เจ้าของ วงดนตรี จุฬารัตน์ จึงฝากตัวเพื่อเป็นนักร้อง แต่ครูมงคล ก็ไม่ได้รับเนื่องจากนักร้องในวงเต็ม พนมจึงได้เสนอตัวในฐานะเด็กรับใช้ของวง ขอแค่ให้มีข้าวกินไปวันๆ ครูจึงตอบตกลง ซึ่งเป็นเด็กประจำรถ คอยขนเครื่องดนตรีต่างๆ ทำหน้าทีอยู่นานเป็นขวบปี
จากนั้นไม่นาน โอกาศจึงมาถึงเมื่อนักร้องในวงเริ่มขาด จึงทำให้มีโอกาศขึ้นร้องเพลง และหลังจากนั้นจึงมีโอกาศอัดเพลง สุขีเถิดที่รัก ทำให้พนม เริ่มมีชื่อเสียง และยังมี เพลง "อัดอั้นตั้นใจ" ตามมาและ มาเป้นนักร้องแถวหน้า ด้วยเพลง "ลาสาวแม่กลอง" และยังมีเพลงกังตามมาอีกหลายเพลงเช่น "ฮักสาวขอนแก่น,ตุ้งหนิง,ข้าวเหนียวติดมือ,หนุนขอนต่างแขน" เป็นต้น หลังจากครูมงคลยุบวง "ชินกร ไกรลาศ"เพื่อนรักนักร้องจึงชวนเขาสู่วงการหนัง ซึ่งได้รับบทแค่วิ่งผ่านหน้ากล้องเท่านั้น จากนั้น นิรุธ ผู้กำกับหนัง เห็นแววบุคลลิกมาดแมนใช้ได้จึงให้บทดีๆเล่นอีกหลายเรื่องเรื่อยมา ส่วนงานร้องเพลงหลังจากครูมงคลยุบวง พนมจึงได้ตั้งวง เดินสายอยู่ 5-6ปี ก็ยุบวง
จากนั้น พนม นพพรจึงได้เข้าสู่เบื้องหลังการผลิตหนังจากที่เคยมีประสบการ์ณมาแล้ว ทั้งด้านการแสดง การเขียนบท การตัดต่อ ก็เลยลองสร้างภาพยนตร์เรื่องแรกดูบ้าง ชื่อ “ คมนักเลง “ เป็นภาพยนตร์แนวบู๊ มี สมบัติ เมทะนี และ อรัญญา นามวงศ์ นำแสดง แต่เมื่อสร้างเสร็จ ภาพยนตร์บู๊ตกยุคไปแล้ว พนม นพพร จึงล้มเหลวในงานสร้างภาพยนตร์ แต่เขาก็ไม่ท้อ เมื่อมีการสร้างต่อในเรื่องที่ 2 ชื่อ “ คุณพ่อขอโทษ “ ที่มี ไพโรจน์ สังวริบุตร และ ลลนา สุลาวัลย์ นำแสดง ปรากฏว่าเรื่องนี้พอประสบความสำเร็จอยู่บ้าง แต่พอถึงเรื่องที่ 3 คือ “ จับกัง “ ที่มี สรพงษ์ ชาตรี นำแสดง พนม นพพร ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม สมความตั้งใจ จากนั้นพนม นพพร ก็สร้างภาพยนตร์เพิ่มอีก 2 – 3 เรื่อง หลังประสบความสำเร็จวงการภาพยนตร์แล้ว
ปัจจุบัน พนม นพพร ก็ได้เปิดบริษัท นพพร โปรโมชั่นและเคยดำรงตำแหน่งนายก สมาคมนักเพลงลูกทุ่งแห่งประเทศไทย นานถึง 7-8ปี เป็นเจ้ารายการชมทางเสียงทอง และผลิตละครโทรทัศน์ออกอากาศทางช่อง 7 สี อีกด้วย
0 Comments
แสดงความคิดเห็น