วิหคพเนจร กาเหว่า เสียงทอง 

กาเหว่า เสียงทอง มีชื่อจริงว่า กมล วรรณพาหุง เป็นชาวตำบลศีรษะกระบือ อำเภอองครัษ์ จังหวัดนครนายก กาเหว่า เสียงทอง ก็ใช้ชีวิตเกเรร่อนเร่ไปทั่ว และเริ่มจับงานหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นกรรมกร แบกหามมาตั้งแต่อายุประมาณ 12 ปี เขาชื่นชอบการร้องเพลงลูกทุ่ง และร้องเชียร์รำวงมาตั้งแต่อายุยังน้อยพออายุ 17 ปี หลังได้เห็นการแสดงของวงดนตรีสุรพล สมบัติเจริญ เขาก็ไปสมัครเป็นนักร้องกับวง สุรพล สมบัติเจริญ แต่เนื่องจากเสียงของเขาเป็นร่องเสียงเดียวกับ ไวพจน์ เพชรสุพรรณ ที่เป็นคู่แข่งกันวงดนตรี สุรพล สมบัติเจริญ จึงปฏิเสธรับเขา

ต่อมาเมื่อวงดนตรี สมานมิตร เกิดกำแพง วงดนตรีลูกทุ่งแถวหน้าอีกวงของเมืองไทยที่มีนักร้องดังหลายคน เช่น แก้ว เบญจกาย , อัศวิน เกิดกำแพง , ประทุมทิพย์ บัวตะมะ และ การเวก เสียงทอง มาเปิดการแสดงที่สถานีวิทยุ ปชส.แถวใต้สะพานพุทธ กาเหว่า เสียงทอง(กมล) ไปสมัครเป็นนักร้อง และได้รับความเมตตาจากแฟนหัวหน้าวงให้มาอยู่ในวงในฐานะคนแบกกลอง

หลังจาก กาเหว่า เสียงทอง ที่ทนแบกกลองอยู่ 2 ปีเขาก็ได้มีโอกาสร้องเพลงหน้าเวทีเป็นครั้งแรกโดยในระหว่างที่วงเดินสายอยู่ทางเหนือ กาเหว่า เสียงทอง ได้มาร้องเพลง " สามปีที่ไร้นาง" ของไวพจน์ เพชรสุพรรณ ให้ การเวก เสียงทอง ฟังซึ่ง การเวก เสียงทอง ประทับใจมากจึงออกแรงลุ้นให้เขาได้ขึ้นเวทีเพลงแรกที่ กาเหว่า เสียงทอง ได้ร้องหน้าเวทีจึงเป็นเพลง "สามปีที่ไร้นาง " โดยได้ไปร้องไกลถึงกว๊านพะเยา ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับจากแฟนเพลงเป็นอย่างดี สมานมิตร เกิดกำแพง เกิดกำแพง จึงตั้งชื่อให้เขาว่า “ กาเหว่า เสียงทอง ”   

เพื่อให้คล้องจองกับชื่อของ กาเหว่า เสียงทอง หลังจากนั้นไม่นานเมื่อ การเวก เสียงทอง” ลาออกจากวงตรี สมานมิตร เกิดกำแพง จากปัญหาภายใน และไปตั้งวงเอง กาเหว่า เสียงทอง จึงออกตามช่วงนั้น จึงมาสมัครอยู่กับไวพจน์ เพชรสุวรรณ แต่ร้องได้ไม่นานก็ต้องถูกเชิญให้ออก เพราะเสียงของเขาเป็นร่องเสียงเดียวกับไวพจน์

กาเหว่า เสียงทอง ได้ ศักดิ์สิทธิ์ ไทรน้อย เพื่อนของ การเวก เสียงทอง พามาฝากกับวงดนตรี เพลิน พรมแดน และมีโอกาสได้บันทึกแผ่นเสียงยุคแรกๆ เช่น เพลงลาบ้านเกิด เป็นต้น ทำให้มีชื่อเขาเป็นที่รู้จักของแฟนเพลงพอสมควร และก็กลายมาเป็นนักร้องชูโรงของวงเพลินไปโดยปริยาย

 จนเขามาโด่งดังสุดขีดเมื่อ เพลิน พรมแดน พาเขาไปหาครู ไพบูลย์ บุตรขัน ครูได้แต่งเพลง " หนุ่มเรือนแพ "มอบให้ และเพลงนี้ทำให้ชื่อเสียงของกาเหว่า เสียงทอง โด่งดังอย่างมาก จนสามารถออกจากวง เพลิน พรมแดน และมาตั้งวงดนตรีของตนเองได้ด้วยการสนับสนุนของนนท์บุรีการท่องเที่ยวเป็นนายทุนต่อมาเขาก็มีเพลงดังตามมาอีกหลายเพลงรวมทั้ง "บ้องกัญชา " และ "แม่หม้าย"

หลังจากที่ชื่อเสียงลดน้อยถอยลง ชีวิตของ กาเหว่า เสียงทอง ก็มาถึงจุดตกต่ำอีกครั้งเมื่อครอบครัวแตกแยกและเขากลายเป็นคนติดเหล้าชนิดที่ดื่มจัดไปโดยปริยาย ในปี 2554  เขาสามารถเลิกดื่มเหล้าได้โดยปริยายด้วยการตั้งสัจจะกับตัวเองว่าจะหยุดดื่มเขาก็ทำได้อย่างเด็ดขาด ทำให้เขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเมื่อเลิกดื่มเหล้า ความเชื่อใจความไว้วางใจของเจ้าภาพที่จะหางานให้ก็มีมากขึ้น จนทำให้เขากลับมาร้องเพลงเหมือนเดิมทิ้งฝันร้ายไว้ในอดีต กับภรรยาคนใหม่ ที่คอยดูแลและให้กำลังกันมาโดยตลอด ฝากผีฝากไข้กันในปั้นปลายชีวิตของกัน และกัน

และในปีนั้น กาเหว่า เสียงทอง ได้ล้มป่วยเป็นโรคกล่องเสียงอักเสบ และเสียชีวิตลงในปีเดียวกัน เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2554 ด้วยอายุเพียง 64 ปีเท่านั้น  ปิดตำนานวิหคพเนจร กาเหว่า เสียงทอง